
เหล็กเส้น เป็นวัสดุก่อสร้างที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างคอนกรีต ทั้งในงานก่อสร้างอาคาร ถนน สะพาน และโครงสร้างอื่น ๆ การเลือกเหล็กเส้นที่มีคุณภาพดี จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความปลอดภัยและความทนทานของโครงสร้าง หากเลือกเหล็กเส้นที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้โครงสร้างมีปัญหา เสี่ยงต่อการแตกร้าวหรือพังทลายได้ การเลือกซื้อเหล็กเส้นที่ดี มีคุณภาพ ได้มาตรฐญานมอก ต้องซื้อกับ หจก.พรณรงค์ โลหะกิจ สามารถเช็คราคาเหล็กได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 02-287-4097 และ LINE ID : PNRLOHAKIT
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของเหล็กเส้น วิธีการเลือกซื้อ และข้อควรระวังเพื่อให้ได้เหล็กเส้นที่ดีและคุ้มค่า
1. ประเภทของเหล็กเส้น
ก่อนที่จะเลือกซื้อเหล็กเส้น ควรรู้จักประเภทของเหล็กเส้นที่ใช้ในงานก่อสร้าง ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักดังนี้
1.1 เหล็กเส้นกลม (Round Bar)
เหล็กเส้นกลม (Round Bar) เป็นวัสดุก่อสร้างที่มีลักษณะเป็นแท่งเหล็กรูปทรงกระบอก เรียบลื่นตลอดทั้งเส้น มักถูกนำมาใช้เป็นโครงสร้างเสริมความแข็งแรงให้กับงานก่อสร้าง เช่น คอนกรีตเสริมเหล็ก (Reinforced Concrete) รวมถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น การผลิตเครื่องจักร อุปกรณ์ตกแต่ง และงานเชื่อมโลหะ
คุณสมบัติของเหล็กเส้นกลมที่โดดเด่น
จุดเด่นของเหล็กเส้นกลมคือความเหนียว ทนทานต่อแรงดึง และสามารถดัดโค้งได้ง่ายโดยไม่สูญเสียคุณสมบัติทางโครงสร้าง มีให้เลือกหลากหลายขนาดตามมาตรฐานอุตสาหกรรม ทำให้สามารถนำไปปรับใช้ได้ทั้งในงานก่อสร้างทั่วไปจนถึงงานเฉพาะทางที่ต้องการความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ มาตรฐานที่พบได้ทั่วไป คือ มอก. 20-2559 และ ขนาดที่มีจำหน่ายทั่วไป คือ 6 มม., 9 มม., 12 มม., 16 มม.
การใช้งานเหล็กเส้นกลมในภาคอุตสาหกรรม
- งานก่อสร้าง: ใช้เสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างคอนกรีต เช่น เสา พื้น และคาน
- อุตสาหกรรมยานยนต์: ผลิตชิ้นส่วนโครงสร้างที่ต้องการความทนทานสูง
- งานตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์: ใช้สร้างโครงสร้างเหล็ก เช่น ราวบันได เฟรมโต๊ะ หรือโครงสร้างอื่น ๆ
- งานวิศวกรรมและเครื่องกล: ผลิตชิ้นส่วนของเครื่องจักรกล หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ
ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทาน และใช้งานได้หลากหลาย เหล็กเส้นกลมจึงเป็นวัสดุพื้นฐานที่ขาดไม่ได้ในทุกอุตสาหกรรม หากเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงาน จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของโครงสร้างได้เป็นอย่างดี
1.2 เหล็กข้ออ้อย (Deformed Bar)
เหล็กข้ออ้อย (Deformed Bar) เป็นวัสดุโครงสร้างที่มีบทบาทสำคัญในงานก่อสร้าง โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับคอนกรีตเสริมเหล็ก มีลักษณะเป็นเหล็กเส้นทรงกระบอกที่มีลายบั้งหรือลายเส้นนูนบนพื้นผิว ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะระหว่างเหล็กกับคอนกรีต ลดปัญหาการเลื่อนตัวของเหล็กภายในโครงสร้าง ทำให้สามารถรองรับน้ำหนักได้ดีและเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างโดยรวม
คุณสมบัติของเหล็กข้ออ้อยที่โดดเด่น
จุดเด่นของเหล็กข้ออ้อย คือ มีแรงยึดเกาะที่ดีเยี่ยม และ รับแรงดึงสูง ลายบั้งบนเหล็กข้ออ้อยช่วยเพิ่มแรงเสียดทานระหว่างเหล็กและคอนกรีต ส่งผลให้สามารถรับน้ำหนักได้มากขึ้น ลดโอกาสที่โครงสร้างจะแตกร้าวหรือเสียหายจากแรงกระแทกหรือแรงดึง คุณสมบัตินี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับงานก่อสร้าง โดยเฉพาะในอาคารสูง สะพาน หรือโครงสร้างที่ต้องเผชิญกับแรงกระทำภายนอกตลอดเวลา โดยเหล็กข้ออ้อยมีหลากหลายขนาดและหลายมาตรฐานให้เลือกซื้อตามการใช้งาน เช่น มาตรฐานอุตสาหกรรม SD30, SD40, และ SD50 ซึ่งหมายถึงค่าความแข็งแรงของเหล็กที่สามารถรับแรงดึงได้มากน้อยต่างกัน
การใช้งานเหล็กข้ออ้อยในภาคอุตสาหกรรม
- โครงสร้างอาคารและตึกสูง : ใช้เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างหลักช่วยให้โครงสร้างแข็งแรง สามารถรับแรงกดและแรงดึงจากน้ำหนักของอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- งานฐานรากและโครงสร้างใต้ดิน : ฐานรากเป็นส่วนสำคัญของอาคารที่ต้องมีความมั่นคงสูง การใช้เหล็กข้ออ้อยช่วยให้ฐานรากแข็งแรง รองรับแรงกดจากอาคารได้ดีขึ้น
- งานอุตสาหกรรมและโครงสร้างพิเศษ : ใช้เป็นโครงสร้างของโรงงานอุตสาหกรรม และโครงสร้างที่ต้องรับแรงกระแทกและแรงสั่นสะเทือนสูง เช่น แท่นขุดเจาะน้ำมัน และโครงสร้างทางวิศวกรรมขนาดใหญ่
2.วิธีเลือกเหล็กเส้นที่ดี
2.1 เลือกซื้อเหล็กเส้นที่มีมาตรฐานและเครื่องหมายรับรอง
เหล็กเส้นที่ดีต้องมีเครื่องหมายรับรองคุณภาพจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) หรือมาตรฐานสากล เช่น ASTM (American Society for Testing and Materials) หรือ JIS (Japanese Industrial Standards)
เครื่องหมายที่ควรมองหา:
- มอก.: เครื่องหมายรับรองของประเทศไทย เช่น มอก. 20-2559 หรือ มอก. 24-2559
- ตราสินค้า: ควรมีชื่อผู้ผลิตหรือโลโก้บริษัทกำกับบนเหล็กเส้น
- เลขมาตรฐาน: เช่น SD40 หรือ SD50 ซึ่งหมายถึงความแข็งแรงของเหล็ก

2.2 ตรวจสอบขนาดและน้ำหนักของเหล็กเส้นทุกครั้ง
เหล็กเส้นที่ได้มาตรฐานต้องมีขนาดและน้ำหนักที่ถูกต้อง หากเบากว่าที่กำหนดอาจหมายถึงเหล็กไม่ได้คุณภาพ ซึ่งอาจทำให้โครงสร้างรับน้ำหนักได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
ตัวอย่างมาตรฐานน้ำหนักต่อเมตรของเหล็กเส้น:
- เหล็กเส้นขนาด 12 มม. ควรมีน้ำหนักประมาณ 0.89 กก./เมตร
- เหล็กเส้นขนาด 16 มม. ควรมีน้ำหนักประมาณ 1.58 กก./เมตร
- เหล็กเส้นขนาด 20 มม. ควรมีน้ำหนักประมาณ 2.47 กก./เมตร
2.3 ตรวจสอบสภาพเหล็กเส้นภายนอก
คุณภาพของเหล็กเส้นที่ดีสามารถพิจารณาได้จากสภาพภายนอกดังนี้
- ไม่มีสนิมขุม: เหล็กเส้นที่ดีต้องไม่มีสนิมขุมลึก เพราะอาจทำให้เนื้อเหล็กเปราะและลดความแข็งแรงลง
- ไม่มีรอยแตกร้าว: หากพบรอยร้าวหรือบิ่น แสดงว่าเหล็กอาจมีปัญหาจากกระบวนการผลิต
- มีลักษณะตรงไม่บิดเบี้ยว: เหล็กเส้นที่บิดงออาจเกิดจากการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสมหรือคุณภาพต่ำ
3. ข้อควรระวังในการเลือกซื้อเหล็กเส้น
- อย่าหลงเชื่อราคาถูกเกินจริง: เหล็กที่มีราคาถูกมากอาจเป็นของปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน
- ตรวจสอบใบรับรองคุณภาพทุกครั้ง: อย่าซื้อเหล็กเส้นที่ไม่มีมาตรฐานรับรอง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของโครงสร้าง
- เก็บรักษาเหล็กเส้นให้ถูกต้อง: หากเก็บไว้กลางแจ้ง ควรคลุมผ้าใบเพื่อป้องกันสนิม
สรุปการเลือกซื้อเหล็กเส้นที่ดี
การเลือกเหล็กเส้นที่ดีเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างโครงสร้างที่แข็งแรงและปลอดภัย ควรตรวจสอบมาตรฐาน คุณภาพ ขนาด น้ำหนัก และเลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเสมอ นอกจากช่วยให้การก่อสร้างมีคุณภาพ ยังช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยให้กับอาคารและโครงสร้างต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจ

เหล็กเส้นคุณภาพสูง รับประกันมาตรฐานในระดับสากล ต้องซื้อกับ หจก.พรณรงค์ โลหะกิจ
ร้านขายเหล็ก หจก.พรณรงค์ โลหะกิจ เป็นผู้จัดจำหน่ายเหล็กกล่องคุณภาพสูงที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย รับประกันมาตรฐานในระดับสากล โดยมีประสบการณ์ในวงการเหล็กมากกว่า 30 ปี ลูกค้าสามารถมั่นใจในคุณภาพและความเชื่อถือได้ของผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย เหล็กกล่องที่ร้านมีการผลิตตามมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน ASTM มาตรฐาน JIS และมาตรฐาน ISO ซึ่งเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมทั่วโลก ลูกค้าท่านใดที่กำลังมองหาเหล็กกล่องอยู่ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-287-4097 หรือผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท
ติดต่อเรา
- Facebook : หจก.พรณรงค์ โลหะกิจ
- โทร/แฟกซ์
- 02-287-4097
- 090-456-1183 (มือถือ)
- Email : phornnaronglohakit@hotmail.com
- LINE ID : PNRLOHAKIT
- แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/1ZaZpTCZGdeLgqwVA