เกรด | ขนาด (mm.) |
น้ำหนัก (kg.) | ||
1 M. | 10 M. | 12 M. | ||
เหล็กเส้นกลม SR24 |
6.0 | 0.222 | 2.22 | 2.66 |
9.0 | 0.499 | 4.99 | 5.99 | |
12.0 | 0.888 | 8.88 | 10.66 | |
15.0 | 1.387 | 13.87 | 16.64 | |
19.0 | 2.226 | 22.26 | 26.71 | |
25.0 | 3.853 | 38.53 | 46.24 |
เหล็กเส้นกลมเป็นวัสดุก่อสร้างที่สำคัญและใช้กันอย่างแพร่หลายในโครงการก่อสร้างหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือน สะพาน ถนน หรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ เหล็กเส้นกลมมีความแข็งแรง ทนทาน และยืดหยุ่น ทำให้เป็นวัสดุที่นิยมใช้ในการเสริมความแข็งแรงให้กับคอนกรีต
ประเภทของเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1.เหล็กเส้นกลม (Round Steel Bars)
เหล็กเส้นกลม (Round Steel Bars) คือ วัสดุก่อสร้างที่สำคัญในอุตสาหกรรมก่อสร้างและวิศวกรรมโครงสร้าง ผลิตจากเหล็กกล้าที่ผ่านกระบวนการรีดร้อน (Hot Rolling) ทำให้มีลักษณะเป็นแท่งเหล็กที่มีรูปทรงกลมตลอดความยาวของแท่ง และมีความแข็งแรงและทนทานต่อการใช้งาน โดยปกติเหล็กเส้นกลมจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความต้องการของการใช้งาน โดยขนาดมาตรฐานที่ได้รับความนิยมมีตั้งแต่ เส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 6 มิลลิเมตร ไปจนถึงขนาด 32 มิลลิเมตร โดยทั่วไปเหล็กเส้นกลมจะใช้ในการเสริมแรงของคอนกรีต เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานของโครงสร้างต่าง ๆ เช่น อาคาร สะพาน และอาคารสูง เป็นต้น
ลักษณะที่ดีของเหล็กเส้นกลม
1.ความแข็งแรงและทนทาน
ที่ดีควรมีความแข็งแรงสูง เพื่อรองรับแรงดึงและแรงกดได้ดี ซึ่งช่วยให้โครงสร้างที่สร้างขึ้นมีความมั่นคงและทนทาน อีกทั้งเหล็กเส้นกลมที่ได้คุณภาพมาตรฐานจะทนทานต่อการสึกหรอและการกระแทกได้ดีเยี่ยม ถือเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องเผชิญกับแรงกดหรือการสัมผัสกับวัสดุอื่น ๆ
2.ความแม่นยำในขนาดและรูปร่าง
ต้องมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางที่สม่ำเสมอและแม่นยำตามมาตรฐานที่กำหนด รวมถึงควรมีรูปทรงที่เป็นทรงกลมอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีการเบี้ยวหรือความผิดปกติ เพื่อช่วยให้การติดตั้งและการใช้งานทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพตรงตามความต้องการมากที่สุด
3.การทนทานต่อการกัดกร่อน
ควรมีคุณสมบัติในการป้องกันการกัดกร่อนได้ดี โดยเฉพาะการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือสารเคมีปนเปื้อน เช่น การใช้งานภายในโรงงานอุตสาหกรรม และโรงงานผลิตเครื่องจักรและส่วนประกอบของยานพาหนะ ซึ่งการป้องกันการกัดกร่อนของเหล็กเส้นกลมสามารถทำได้โดยการเคลือบผิวหรือใช้เหล็กกล้าที่มีการป้องกันพิเศษมาผลิตเป็นเหล็กเส้นกลม
4.การขึ้นรูปและความสามารถในการเชื่อม
สามารถตัดและขึ้นรูปได้ง่าย โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายหรือเปลี่ยนแปลงลักษณะของวัสดุ นับเป็นสิ่งสำคัญในการผลิตและการจัดการกับชิ้นส่วนต่าง ๆ รวมถึงเหล็กเส้นกลมควรสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสะดวกและมีคุณภาพด้วย เพราะการเชื่อมที่ดีจะช่วยให้การประกอบโครงสร้างเป็นไปอย่างราบรื่นและแข็งแรง
5.ความยืดหยุ่นและความเหนียว
มาพร้อมกับคุณสมบัติด้านความยืดหยุ่นในระดับสูง สามารถรองรับแรงดึงได้ดีและสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้หลังจากการรับแรง อีกทั้งระดับความเหนียวสูง ๆ ยังช่วยให้ให้วัสดุไม่แตกหักง่ายเมื่อได้รับแรงกระทำหรือการกระแทกอีกด้วย
6.คุณภาพของการผลิต
ควรผลิตโดยใช้กระบวนการที่มีการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด ทำให้มั่นใจได้ว่าเหล็กเส้นกลมที่ได้มีคุณภาพที่สม่ำเสมอและมีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานที่กำหนด ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐาน มอก. ชั้นคุณภาพ SR24
7.ความปลอดภัยในการใช้งาน
เหล็กเส้นกลมที่ดีควรมีคุณสมบัติที่ช่วยลดความเสี่ยงในการใช้งาน เช่น การป้องกันการเกิดสนิมที่อาจทำให้เหล็กเส้นอ่อนแอหรือแตกหัก รวมถึงผู้ใช้งานควรมีการตรวจสอบคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าเหล็กเส้นกลมที่ใช้มีความปลอดภัยในการใช้งาน ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุแก่ผู้ใช้งานได้อย่างเหมาะสมด้วย
read moreคุณสมบัติของเหล็กเส้นกลม
- ความแข็งแรง : เหล็กเส้นกลมมีความแข็งแรงสูง ทนทานต่อแรงดึงและแรงกด ทำให้เป็นวัสดุที่เหมาะสมสำหรับการเสริมคอนกรีต
- ความยืดหยุ่น : เหล็กเส้นกลมมีความยืดหยุ่นดี สามารถโค้งงอได้ตามความต้องการในการใช้งาน
- มาตรฐานการผลิต : เหล็กเส้นกลมที่ดีต้องผลิตตามมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น มอก. 20-2543 (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้นกลมสำหรับงานก่อสร้าง)
ขนาดและน้ำหนักของเหล็กเส้นกลม
เหล็กเส้นกลมมีหลายขนาดและน้ำหนักให้เลือกใช้ตามความต้องการของโครงการก่อสร้าง ขนาดที่ใช้บ่อยได้แก่:
- เหล็กเส้นกลม ขนาด 6 มม. : น้ำหนักประมาณ 0.22 กก./ม.
- เหล็กเส้นกลม ขนาด 9 มม. : น้ำหนักประมาณ 0.50 กก./ม.
- เหล็กเส้นกลม ขนาด 12 มม. : น้ำหนักประมาณ 0.89 กก./ม.
- เหล็กเส้นกลม ขนาด 16 มม. : น้ำหนักประมาณ 1.58 กก./ม.
การใช้งานของเหล็กเส้นกลม
เหล็กเส้นกลมถูกนำมาใช้ในหลากหลายงานก่อสร้าง เช่น:
- การเสริมแรงคอนกรีต: ใช้ในการเสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างคอนกรีต เช่น เสา คาน พื้น และผนัง
- การทำเหล็กเส้นสาน (Rebar Mesh): ใช้ในการสร้างตะแกรงเหล็กสำหรับเสริมคอนกรีต เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดการแตกร้าวของคอนกรีต
- การใช้ในงานตกแต่ง: นำมาใช้ในงานตกแต่งภายในและภายนอกอาคาร เช่น การทำราวบันได ประตู เหล็กดัดหน้าต่าง
เหล็กเส้นกลมที่ใช้ในงานก่อสร้าง
เหล็กเส้นกลม หรือ RB คือเหล็กเส้นที่ใช้ในงานก่อสร้าง มีมาตรฐานอุตสาหกรรมตาม มอก. 28/2529 และ 32/2532 โดยมีชั้นคุณภาพคือ SR24
ขนาดและการใช้งานของเหล็กเส้นกลม
- RB6 (2 หุน) : ใช้ในงานก่อสร้างที่ไม่รับแรงมาก เช่น ปอกเสาและปอกคาน
- RB9 (3 หุน) : ใช้ในงานก่อสร้างที่ไม่รับแรงมากเช่นเดียวกับ RB6
- RB12 (4 หุน) : ใช้ในงานก่อสร้างทั่วไป โดยไม่เน้นงานยึดเกาะ เพราะเหล็กมีผิวเรียบมน ทำให้ยึดเกาะปูนได้ไม่ดี เหมาะกับงานกลึง เช่น การทำหัวน๊อต
- RB15 : ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 มม. ยาว 10 ม. น้ำหนัก 13.87 กก./เส้น ใช้เหล็ก 1 ตันได้ 72 เส้น
- RB19 : ใช้สำหรับงานทำถนน
- RB25 : ใช้ทำเป็นเหล็กสตัท เกรียวเร่ง สำหรับงานยึดโครงป้ายขนาดใหญ่ รับแรงและน้ำหนักได้ดี
ลักษณะการใช้งานเหล็กเส้นกลม
- ใช้ในงานก่อสร้างที่ไม่รับแรงมาก
- ใช้ทำปลอกเสาและปลอกคาน
- ไม่เหมาะสำหรับงานยึดเกาะ เช่น ปูน เนื่องจากมีผิวเรียบมน
ความอเนกประสงค์ของเหล็กเส้นกลมในการก่อสร้าง
เหล็กเส้นกลมถือเป็นรากฐานที่สำคัญในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง มีหน้าตัดเป็นวงกลมเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง และสร้างรูปร่างให้กับโครงสร้างมากมาย ความแข็งแกร่งและความทนทานพิเศษทำให้เหล็กเส้นกลมเป็นวัสดุที่เชื่อถือได้ในงานก่อสร้างหลากหลายประเภท ตั้งแต่การสร้างโครงอาคารไปจนถึงการเสริมแกนคอนกรีต
นอกจากนี้ เหล็กเส้นกลมยังมีความทนทานต่อการกัดกร่อน ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างกลางแจ้งหรือในโครงสร้างภายใน ความทนทานนี้ช่วยลดความต้องการในการบำรุงรักษาและต้นทุนตลอดอายุการใช้งาน รวมถึงสามารถรีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ส่งเสริมประสิทธิภาพของทรัพยากร
ความเป็นเลิศทางวิศวกรรมด้วยเหล็กเส้นกลมในการผลิต
เหล็กเส้นกลมมีบทบาทสำคัญในภาคการผลิตเนื่องจากมีคุณสมบัติทางกลที่โดดเด่น เส้นผ่านศูนย์กลางสม่ำเสมอตลอดความยาว ช่วยอำนวยความสะดวกในกระบวนการตัดเฉือนที่ราบรื่น และรับประกันประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอในการใช้งาน ผู้ผลิตใช้ประโยชน์จากคุณลักษณะเฉพาะนี้ในการผลิตส่วนประกอบต่างๆ เช่น เพลา เฟือง และตัวยึด
เหล็กเส้นกลมในแนวทางปฏิบัติในการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เหล็กเส้นกลมมีส่วนช่วยในการก่อสร้างที่ยั่งยืน ความทนทานและความสามารถในการรีไซเคิลได้ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อายุการใช้งานที่ยาวนานของโครงสร้างที่สร้างด้วยเหล็กเส้นกลมช่วยลดความจำเป็นในการเปลี่ยนบ่อยครั้ง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติของเหล็กเส้นกลม
- ความแข็งแรง: รับแรงดึงได้สูง
- ความทนทาน: ทนต่อการกัดกร่อนจากสนิม
- การเชื่อม: สามารถเชื่อมได้ง่าย
การใช้งานของเหล็กเส้นกลม
- งานเสา: ใช้ทำเสาคอนกรีตเพื่อรับน้ำหนักของโครงสร้างอาคาร
- งานคาน: ใช้ทำคานคอนกรีตเพื่อรับน้ำหนักจากเสาและพื้น
- งานพื้น: ใช้ทำพื้นคอนกรีตเพื่อรับน้ำหนักจากสิ่งปลูกสร้าง
- งานโครงสร้างอื่นๆ: ใช้ทำโครงสร้าง เช่น เขื่อน สะพาน และรั้ว
มาตรฐานของเหล็กเส้นกลม
เหล็กเส้นกลมในประเทศไทยต้องเป็นไปตามมาตรฐาน มอก. 20-2559 ซึ่งกำหนดคุณสมบัติของเหล็กเส้นกลมไว้ดังนี้:
- เส้นผ่านศูนย์กลาง: 6 – 34 มิลลิเมตร
- ความยาว: 10 – 12 เมตร
- ความแข็งแรง: กำลังจุดครากไม่น้อยกว่า 2,400 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร
- ความต้านทานแรงดึงสูงสุด: ไม่น้อยกว่า 4,200 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร
- ความยืดหยุ่น: ไม่น้อยกว่า 20%
- ความหนาแน่น: 7.85 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร
วิธีการเลือกซื้อเหล็กเส้นกลมให้ได้คุณภาพมาตรฐาน ตอบโจทย์กับการใช้งาน
1.ตรวจสอบมาตรฐานประทับตราข้างเหล็กและใบรับรอง
ก่อนการเลือกซื้อเหล็กเส้นกลม ควรตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรองตามมาตรฐาน มอก. ชั้นคุณภาพ SR24 ซึ่งจะมีประทับตราไว้ข้างเหล็ก รวมถึงผู้ซื้อทุกท่านควรตรวจสอบใบรับรองจากผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายและเอกสารที่ยืนยันการทดสอบคุณสมบัติทางเทคนิคของเหล็กเส้นกลมที่รับรองว่าเหล็กเส้นกลมผลิตได้ตามมาตรฐานที่กำหนดทุกครั้ง ซึ่งเป็นการการันตีว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและความปลอดภัยต่อการใช้งาน
2.ตรวจสอบคุณสมบัติทางกายภาพ
ผู้ซื้อควรพิจารณาถึงคุณสมบัติทางกายภาพของเหล็กเส้นกลม เช่น ขนาด เส้นผ่านศูนย์กลาง ความแข็งแรง และลักษณะผิวเหล็กเส้นกลมก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง โดยสามารถตรวจสอบข้อกำหนดทางเทคนิคและรายละเอียดต่าง ๆ ที่ระบุในเอกสารการออกแบบ การวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็กเส้นกลมว่าเป็นไปตามที่ระบุในใบสั่งซื้อหรือไม่ การทดลองจับสัมผัส รวมถึงการตรวจสอบค่า Yield Strength และ Ultimate Strength ของเหล็กเส้นกลม เพื่อให้แน่ใจว่ามีความแข็งแรงตามที่ต้องการมากที่สุด
3.พิจารณาราคา และเงื่อนไขการจัดส่งจากผู้จัดจำหน่าย
เหล็กเส้นกลมที่ได้คุณภาพมาตรฐานควรมีราคาอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมสอดคล้องกับคุณภาพ ไม่ถูกหรือแพงจนเกินไป และต้องพิจารณาถึงการจัดส่งที่รวดเร็วและตรงต่อเวลาจากผู้จัดจำหน่ายเหล็กเส้นกลมด้วย เพราะเชื่อว่าไม่มีลูกค้าท่านใดที่ชื่นชอบการรอคอยนาน ๆ อยู่แล้ว อย่าลืมตรวจสอบเงื่อนไขการจัดส่งและระยะเวลาที่ใช้ในการส่งสินค้าให้เรียบร้อยก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง
เหตุผลที่ควรเลือกซื้อเหล็กเส้นกลมจากเรา
- คุณภาพสูง: ผลิตภัณฑ์ของเราผ่านการตรวจสอบคุณภาพตามมาตรฐานสากล
- ราคายุติธรรม: เรานำเสนอราคาที่แข่งขันได้และคุ้มค่าต่อการลงทุน
- บริการครบวงจร: เรามีบริการจัดส่งที่รวดเร็วและการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้งานเหล็กเส้นกลม
เหล็กเส้นกลมเป็นวัสดุก่อสร้างที่ขาดไม่ได้ในงานก่อสร้างทุกประเภท ด้วยความแข็งแรง ทนทาน และคุณสมบัติที่หลากหลาย เรามีความยินดีที่จะเสนอเหล็กเส้นกลมคุณภาพสูงในราคาที่เป็นมิตร พร้อมบริการที่ยอดเยี่ยมเพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า
สรุป การเลือกขนาดเหล็กเส้นที่เหมาะสม
การเลือกขนาดของเหล็กเส้น เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้โครงสร้างที่แข็งแรง เหมาะสมและปลอดภัย ควรปรึกษา วิศวกรโครงสร้าง เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับงานก่อสร้างของคุณ
วิศวกรโครงสร้าง จะทำการคำนวณหาแรงที่มากระทำต่อโครงสร้าง และเลือกขนาดและเกรดของเหล็กเส้นที่เหมาะสม เพื่อให้โครงสร้างมีความแข็งแรงและปลอดภัย
ปรึกษาทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของ Phornnarong Lohakit โทร :02-287-4097 , 090-456-1183 หรือ ไลน์แชท : Click add line : @pnrlohakit