ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh) คืออะไร?

ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh) หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า “ไวร์เมช” นั้น เป็นวัสดุหลากหลายประเภทที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในงานก่อสร้าง อุตสาหกรรม การเกษตร และงานศิลปะ มันประกอบด้วยลวดที่เชื่อมต่อกันเป็นรูปแบบตาราง เพื่อสร้างโครงสร้างเมชที่แข็งแรงและทนทาน ตะแกรงเหล็กไวร์เมชสร้างขึ้นจากวัสดุต่างๆ เช่น เหล็ก เหล็กกล้า สแตนเลส เหล็กแข็ง โลหะชุบสังกะสี แต่ละวัสดุนี้มีคุณสมบัติเฉพาะที่เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมและวัตถุประสงค์ต่างๆ

ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh) คืออะไร?

ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh) คือวัสดุก่อสร้างที่มีโครงสร้างเป็นเครือข่ายของเส้นลวดที่ถูกตรึงรวมกันเพื่อสร้างพื้นที่หรือแผ่นผนังที่มีความแข็งแรงและความคงทนสูง เป็นวัสดุที่นิยมใช้ในการก่อสร้างเพื่อเสริมความแข็งแรงของโครงสร้าง เช่น การใช้เป็นช่องว่างระหว่างคอนกรีตในโครงสร้างอาคารหรือการใช้เป็นตาข่ายกันแมลงในงานประดับสวน การเลือกใช้วัสดุไวร์เมชจะขึ้นอยู่กับการใช้งานและความต้องการของโครงการแต่ละรูปแบบ

ควรเลือกใช้วัสดุไวร์เมชที่มีขนาดเส้นลวดและระยะห่างที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ในการใช้เป็นช่องว่างระหว่างคอนกรีต ควรเลือกวัสดุที่มีขนาดเส้นลวดและระยะห่างที่เหมาะสมกับน้ำหนักและแรงต้านทานของคอนกรีต ส่วนในการใช้เป็นตาข่ายกันแมลง ควรเลือกวัสดุที่มีระยะห่างเล็กพอที่จะป้องกันการเข้ามาของแมลงแต่ให้สามารถเปิดปิดได้ง่ายเมื่อต้องการทำความสะอาดหรือบำรุงรักษาต้นไม้ได้ดี

วัสดุไวร์เมชมีหลายประเภทตามวัสดุที่ใช้ผลิต เช่น ไวร์เมชที่ผลิตจากเหล็กทนแรงอย่างแผ่นเส้นเดียว (Single Wire) หรือไวร์เมชที่ผลิตจากเหล็กทรงประเภทต่างๆ เช่น เหล็กเส้นประแกร่ง (Ribbed Wire) หรือเหล็กเส้นสแตนเลส (Stainless Steel Wire) ที่มีความต้านทานต่อการสกปรกและสภาพอากาศสูงกว่าเหล็กทั่วไป

การเลือกใช้วัสดุไวร์เมชที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความคงทนของโครงสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประเภทตามมาตรฐานของมาตรฐานของตะแกรงเหล็กไวร์เมช

มาตรฐานของไวร์เมช (Wire Mesh) สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามมาตรฐานและการใช้งานต่างๆ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไป

1. ASTM (American Society for Testing and Materials) : ASTM มีมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับไวร์เมชในการใช้งานทางก่อสร้าง เช่น ASTM A185 (Standard Specification for Steel Welded Wire Reinforcement, Plain, for Concrete) และ ASTM A496 (Standard Specification for Steel Wire, Deformed, for Concrete Reinforcement) ซึ่งกำหนดข้อกำหนดเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ในการผลิตไวร์เมชและการทดสอบคุณสมบัติ
2. BS (British Standards) : BS มีมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับไวร์เมชในตลาดสหราชอาณาจักร เช่น BS 4483 (Steel fabric for the reinforcement of concrete – Specification) ซึ่งกำหนดลักษณะของไวร์เมชที่ใช้เสริมคอนกรีตและการทดสอบคุณสมบัติต่างๆ
3. EN (European Standards) : EN มีมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับไวร์เมชสำหรับตลาดยุโรป เช่น EN 10080 (Steel for the reinforcement of concrete – Weldable reinforcing steel – General) ซึ่งกำหนดคุณสมบัติของเหล็กเส้นเพื่อใช้ในการผลิตไวร์เมช
4. AS (Australian Standards) : AS มีมาตรฐานที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้างในออสเตรเลีย เช่น AS/NZS 4671 (Steel for the reinforcement of concrete) ซึ่งกำหนดเกณฑ์การผลิตและใช้งานของไวร์เมชในการเสริมคอนกรีต
5. JIS (Japanese Industrial Standards) : JIS เป็นมาตรฐานของญี่ปุ่นที่ใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น JIS G 3536 (Welded wire mesh) ซึ่งกำหนดลักษณะของไวร์เมชที่ใช้ในงานต่างๆ

แต่ละมาตรฐานจะกำหนดรายละเอียดต่างๆ เช่น ขนาดของเส้นลวด เกรดของวัสดุ เทคนิคในการผลิต การทดสอบคุณสมบัติ เป็นต้น การเลือกใช้มาตรฐานที่เหมาะสมกับการใช้งานและความต้องการของโครงการเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในการใช้งานไวร์เมชในโครงการของคุณ

คุณสมบัติตะแกรงเหล็กไวร์เมช

• ตะแกรงมีความสม่ำเสมอของช่องตาราง
• ประหยัดเวลาในการทำงานกว่าการผูกเหล็ก
• สามารถรับแรงกระแทกและแรงกดทับได้ดี

ขอดีของตะแกรงเหล็กไวร์เมช

ตะแกรงเหล็กไวร์เมชมีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นวัสดุที่นิยมใช้ในงานก่อสร้างและอุตสาหกรรม ดังนี้

1. ความแข็งแรง : ตะแกรงเหล็กไวร์เมชมีโครงสร้างที่แข็งแรงเนื่องจากมีเส้นลวดที่ถูกตรึงรวมกันอย่างมั่นคง ทำให้มีความทนทานต่อแรงกดและแรงเสียดทานได้ดี
2. ความทนทานต่อสภาพอากาศ : เหล็กไวร์เมชที่ผลิตมาตรฐานมักมีการผสมสารที่ทนทานต่อสภาพอากาศ เช่น สารกันสนิม ซึ่งทำให้สามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือเปลี่ยนแปลงอากาศได้
3. ความยืดหยุ่น : ตะแกรงเหล็กไวร์เมชมีความยืดหยุ่นที่สามารถปรับตัวได้ตามรูปร่างของโครงสร้าง ทำให้ง่ายต่อการติดตั้งและใช้งาน
4. ความคงทนทาน : เหล็กไวร์เมชมีความคงทนทานต่อการกัดกร่อนจากสารเคมีและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ เช่น การทนต่อการกัดกร่อนจากน้ำทะเลหรือสารเคมีในโรงงาน
5. การระบายน้ำ : โครงสร้างของตะแกรงเหล็กไวร์เมชมีช่องว่างที่ให้น้ำสามารถระบายได้ง่าย ทำให้เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่มีการระบายน้ำเป็นจำนวนมาก เช่น ทางเดินเท้าล่างที่ต้องการระบายน้ำหรือสามารถใช้เป็นตะแกรงระบายน้ำในสระว่ายน้ำ
6. ความหลากหลายในการใช้งาน : สามารถใช้ตะแกรงเหล็กไวร์เมชในหลายๆ งาน เช่น เป็นตะแกรงบันได ตะแกรงคลุมท่อระบายน้ำ เป็นต้น
7. การดูดซับแสง : ในบางกรณี ตะแกรงเหล็กไวร์เมชยังมีความสามารถในการดูดซับแสง ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานที่ที่ต้องการการควบคุมแสงแดด

การเลือกใช้ตะแกรงเหล็กไวร์เมชต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในการใช้งาน เช่น ขนาดของเส้นลวด ระยะห่างระหว่างเส้นลวด และความทนทานต่อสภาพแวดล้อมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในโครงการของคุณ

ติดต่อเรา

• Facebook : หจก.พรณรงค์ โลหะกิจ
• โทร/แฟกซ์
  • 02-287-4097
  • 090-456-1183 (มือถือ)
• Email : phornnaronglohakit@hotmail.com
• LINE ID : PNRLOHAKIT
• แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/1ZaZpTCZGdeLgqwVA